GameFever TH | เพราะเกมคือชีวิต
บทความ
เข้าสู่ระบบ
ผลการค้นหา : "IPhone 12"
อัปเดตรายชื่อ Smart Phone ที่เหมาะจะซื้อมาเล่นเกมมากที่สุด (ต้นปี 2021)
ในปัจจุบันต้องยอมรับเลยนะครับว่าเกมมือถือเข้ามามีบทบาทในวงการเรามากมายจริงๆ (เผลอๆ จะตลาดใหญ่เท่ากับวงการเกม Console แล้วด้วย) โดยเฉพาะฝั่งกี่ฬา Esport ที่แข่งขันกันอย่างจริงจังในบ้านเรา และมีเงินรางวัลมากกว่าเงินเดือนของผมทั้งปีเสียอีก (แหม่พูดแล้วก็เศร้า) ด้วยความที่ตลาดนี้มีขนาดใหญ่ขึ้นทุกวันๆ ทางฝั่งผู้พัฒนาเองก็หันมาให้ความสนใจแข่งกันพัฒนาเกมดีๆ มาลงให้กับฝั่งมือถือมากมายไปด้วย ส่งผลในปัจจุบันเกมมือถือเริ่มใช้สเปคที่สูงขึ้นเรื่อยๆ จนทำให้เริ่มเป็นไปไม่ได้แล้วที่จะเล่นเกมในช่วง 1 - 2 ปีที่ผ่านมา ที่นี้เราจะได้รู้ได้ยังไงว่าควรซื้อมือถือเครื่องไหน ถึงจะสามารถเล่นเกมที่เราอยากเล่นได้ทั้งหมด? ไอ้ครั้นจะให้ไปนั่งเทียบสเปคของแต่ละรุ่น ก็เป็นอะไรที่ยุ่งยากอีก ดังนั้นวันนี้ผมจะมีชี้เป้าให้เพื่อนๆ ได้ทราบกันว่าปัจจุบันในตลาดบ้านเรา มือถือรุ่นไหนเหมาะจะซื้อมาใช้เล่นเกมมากที่สุดครับ! แต่ก่อนจะไปเริ่มกัน ผมขอออกตัวก่อนว่าการจัดอันดับใน บทความนี้ จะวัดจาก ความสามารถของตัวเครื่อง, จำนวนชั่วโมงที่สามารถใช้งานได้, ฟังก์ชั่นสำหรับเกมเมอร์ และราคาเป็นหลัก ซึ่งข้อมูลเกี่ยวกับความแรงของ CPU และ GPU ผมอ้างอิงจาก 2 แหล่งคือ Nanoreview กับ Techcenturion ส่วนราคาจะมาจากเว็บ Siamphone ครับ มือถือ Gaming ที่โดยรวมยอดเยี่ยมมากที่สุด : Asus ROG Phone 3 หน้าจอขนาด : 6.59 นิ้ว  (Refresh Rate 144Hz), ความเร็วตอบสนองหน้าจอ (Touch Sampling Rate) : 270 Hz (ยิ่งเยอะหน้าจอยิ่งตอบสนองเร็ว) CPU : Qualcomm Snapdragon 865 Plus Octa Core (แรงอันดับ 8 ของโลก), GPU : Adreno 650 (แรงอันดับ 6 ของโลก) ,หน่วยความจำ : RAM 12 GB / ROM 512 GB, แบตเตอรี่ : 6,000 mAh, ราคากลางปัจจุบัน : ประมาณ 26,000 บาท หน้าจอไม่ใหญ่เกินไป, มี Refresh Rate สูงถึง 144Hz, ใช้ชิปประมวลผลที่แรง 8 ของโลก, แบตเตอรี่อึดใช้งานได้นาน, มาพร้อมกับการระบายความร้อนที่ยอดเยี่ยม, ทั้งยังสามารถตั้งค่า Macro หรือ ชุดคำสั่งเพื่อให้เล่นเกมได้ง่ายขึ้น คงต้องบอกว่าไม่มีโทรศัพท์เครื่องไหนในโลกจะตอบโจทย์ไปมากกว่านี้อีกแล้ว ในเรื่องของราคา 26,000 ก็ถือว่าไม่แพงเกินไปเช่นกัน จุดเด่นหลักๆ ของ ROG Phone 3 คือเรื่องของ AeroActive Cooler 3 อุปกรณ์เสริมที่ช่วยในการระบายความร้อน กับ Airtrigger 3 บริเวณด้านขวาของตัวเครื่อง ที่ทำงานเหมือนปุ่ม L1, R1 ของจอยเครื่อง Console แต่ต่างกันตรงที่บนมือถือนี้จะเป็นเซ็นเซอร์อัลตราโซนิกที่ใช้รับสัมผัสแทน โดยผู้ใช้งานสามารถตั้งค่าเองได้เลยว่าจะให้การสัมผัสแบบไหน ส่งผลแบบไหนในเกม พูดแล้วอาจจะไม่เห็นภาพ เอาเป็นว่าดูในวิดีโอด้านล่างนี้ได้เลยครับ มือถือ Gaming ที่มีราคาย่อมเยาที่สุด : Nubia Red Magic 5G หน้าจอขนาด : (Refresh Rate 144Hz), ความเร็วตอบสนองหน้าจอ (Touch Sampling Rate) : 320 Hz (ยิ่งเยอะหน้าจอยิ่งตอบสนองเร็ว), CPU : Qualcomm Snapdragon 865 5G Octa Core (แรงอันดับ 9 ของโลก), GPU : Adreno 650 (แรงอันดับ 6 ของโลก) , หน่วยความจำ : RAM 8 - 16 GB / ROM 128 - 256 GB, แบตเตอรี่ : 4,500 mAh, ราคากลางปัจจุบัน : ประมาณ 17,900. บาท Red Magic 5G อาจไม่ใช่รุ่นที่ได้รับความนิยมมากนักในบ้านเรา แต่เจ้าตัวนี้ก็เรียกได้ว่ามาพร้อมกับสเปคที่แรงน้อยกว่า ROG Phone 3 เพียงเล็กน้อยเท่านั้น แต่ได้ Touch Sampling Rate ที่สูงกว่ามาแทน กับ RAM ของเครื่องที่ให้มาแบบเยอะถึง 16 GB แต่จุดที่น่าสนใจมากที่สุดคงเป็นเรื่องของราคาที่ถือว่าถูกมากๆ หากเทียบกับสเปคครับ ในเรื่องของการระบายความร้อน Red Magic 5G ก็มาพร้อมกับ Active Liquid-Cooling with Turbo Fan 3.0 ที่ทำให้เครื่องสามารถระบายความร้อนได้ดีกว่ารุ่นทั่วไปที่มีในตลาด แน่นอนว่าเจ้าเครื่องนี้เองก็มี Trigger หรือปุ่มสำหรับใส่ชุดคำสั่งสำหรับการเล่นเกมก็มีมาให้ 2 ปุ่มเช่นกัน แต่ยังไม่สามารถตั้งคำสั่งความละเอียดสูงแบบ เขย่าหน้าจอ หรือสไลด์ซ้าย กับขวา แบบเดียวกับ ROG Phone 3 ได้ครับ มือถือ Gaming ที่มาพร้อมอุปกรณ์เสริมยอดเยี่ยมที่สุด : Xiaomi Black Shark 3 Pro หน้าจอขนาด : (Refresh Rate 144Hz), ความเร็วตอบสนองหน้าจอ (Touch Sampling Rate) : 270 Hz (ยิ่งเยอะหน้าจอยิ่งตอบสนองเร็ว),  CPU : Qualcomm Snapdragon 865 Octa Core (แรงอันดับ 9 ของโลก), GPU : Adreno 650 (แรงอันดับ 6 ของโลก) หน่วยความจำ : RAM 8 - 12 GB / ROM 256 - 512 GB, แบตเตอรี่ : 5,000 mAh, ราคากลางปัจจุบัน : ประมาณ 19,900. บาท Black Shark ถือได้ว่าเป็นอีกหนึ่งรุ่น Gaming จากทาง Xiaomi ที่อยู่คู่วงการมานานแล้ว โดยในเรื่องของความแรงเจ้า Black Shark 3 Pro จะเทียบเท่ากันกับ Red Magic 5G เลย แต่ได้ในเรื่องของอุปกรณ์เสริม ที่เยอะกว่ามาแทน ไม่ว่าจะเป็น หูฟัง, ชุดระบายความร้อน, จอยควบคุมสำหรับต่อใช้งาน, คีย์บอร์ด และอื่นๆ อีกมากมาย ในส่วนของปุ่มคำสั่งพิเศษ รุ่นนี้ก็มีมาให้ทางด่านขวาบน กับขวาล่างเช่นกัน เพียงแต่ของ Black Shark 3 Pro จะเป็นปุ่มที่อยู่ภายในหน้าจอ Touch Screen ทำให้อาจใช้งานได้ยากกว่า 2 รุ่นข้างบนเล็กน้อย ส่วนเรื่องระบายความร้อนก็สามารถทำได้ดีมากๆ เช่นกันด้วย Sandwich Liquid Cooling และจะดีขึ้นไปอีกเมื่อใช้ร่วมกับอุปกรณ์เสริมครับ มือถือทั่วไปที่เหมาะจะเอามาเล่นเกมมากที่สุด แม้ว่ามือถือ Gaming จะเกิดมาเพื่อเล่นเกมอย่างแท้จริง แต่ในเรื่องของดีไซน์ที่โฉบเฉี่ยวเกินไปเลยอาจทำให้หลายคนอาจรู้ไม่ชอบเครื่อง 3 รุ่นข้างต้นนี้ ดังนั้นผมจึงได้จัดอันดับมือถือทั่วไป ที่เหมาะสำหรับเล่นเกมมากที่สุดมาให้ด้วย ซึ่งในกลุ่มนี้มักจะได้ในเรื่องของฟังก์ชันการใช้งานทั่วไปที่ดีกว่ามาทดแทนครับ Mi 11 หน้าจอขนาด : 6.81 นิ้ว (Refresh Rate 120Hz), ความเร็วตอบสนองหน้าจอ (Touch Sampling Rate) : 480 Hz (ยิ่งเยอะหน้าจอยิ่งตอบสนองเร็ว), CPU : Qualcomm Snapdragon 888 Octa Core (แรงอันดับ 2 ของโลก), GPU : Adreno 660 (แรงอันดับ 2 ของโลก) หน่วยความจำ : RAM 8 GB / ROM 128 - 256 GB, แบตเตอรี่ : 4,600 mAh, ราคากลางปัจจุบัน : ประมาณ 22,300. บาท เรือธงตัวใหม่จากทาง Xiaomi ที่เพิ่งวางขายไปเลยช่วงต้นเดือน กุมภาพันธ์ จุดเด่นของเจ้าเครื่องนี้คือหน่วยประมวลผลที่แรงเป็นอันดับ 2 ของโลกในตอนนี้ทั้ง CPU และ GPU กับ Touch Sampling Rate ที่สูงแบบอลังการงานสร้าง 480 Hz แต่กลับมีราคากลางเพียงแค่ 22,300 บาท ซึ่งถูกกว่า ROG Phone 3 เสียอีก แม้จะไม่มีฟังก์ชันหรืออุปกรณ์เสริมดีๆ สำหรับ Gaming โดยเฉพาะมาด้วย แต่ในเรื่องของการระบายความร้อน Mi 11 ถือว่าทำได้ดีมาก อุณหภูมิเครื่องจะอยู่ที่ 35 - 37 องศาเท่านั้นหากเล่น ROV ในห้องแอร์ 25 องศา เรียกได้ว่าเป็นอีกหนึ่งรุ่นที่เหมาะสำหรับการเล่นเกมมากๆ ครับ Samsung S21 Plus (S21+) หน้าจอขนาด : 6.7 นิ้ว (Refresh Rate 120Hz), ความเร็วตอบสนองหน้าจอ (Touch Sampling Rate) : 240 Hz (ยิ่งเยอะหน้าจอยิ่งตอบสนองเร็ว), CPU : Exynos 2100 Octa Core (แรงอันดับ 3 ของโลก), GPU : Mali-G78 MP14 (แรงอันดับ 7 ของโลก) , หน่วยความจำ : RAM 8 GB / ROM 128 - 256 GB, แบตเตอรี่ : 4,800 mAh, ราคากลางปัจจุบัน : ประมาณ 31,800. บาท อีกหนึ่งเรือธงใหม่จากทาง Samsung ที่มาพร้อมกับ CPU ที่แรงอันดับ 3 กับ GPU ที่อยู่อันดับ 7 ทำให้ เจ้า S21+ ถือเป็นอีกหนึ่งรุ่นที่เหมาะสำหรับการเล่นเกมมากๆ แต่น่าเสียดายที่ตอนนี้เหมือนจะมีปัญหาในเรื่องของ แบตเตอรี่ ที่จากปากผู้ใช้งานเหมือนจะหมดเร็วมากๆ แม้จะมีขนาดถึง 4,800 mAh ก็ตาม โชคยังดีที่รุ่นนี้สามารถชาร์จได้เร็วมากครับ อีกหนึ่งข้อเสียของ S21+ คือเรื่องการระบายความร้อนที่ทำออกมาได้ไม่ดีนัก จากคำรีวิวของผู้ใช้งานดูเหมือนว่าแค่เปิดใช้งานกล้องเป็นเวลานานตัวเครื่องก็จะร้อนมากๆ แล้ว ซึ่งโดยทั่วไปเมื่อร้อนมากๆ CPU / GPU ก็จะลดความสามารถในการทำงานลง แต่ถ้าหากใช้งานในห้องแอร์ และสามารถชาร์จไฟได้ตลอดเวลา S21+ ถือเป็นอีกหนึ่งมือถือดีไซน์สวยที่ไม่ควรพลาดครับ iPhone 12 Pro หน้าจอขนาด : 6.1 นิ้ว (Refresh Rate 60Hz), ความเร็วตอบสนองหน้าจอ (Touch Sampling Rate) : 120 Hz หน่วย (ยิ่งเยอะหน้าจอยิ่งตอบสนองเร็ว) ,CPU : Apple A14 Bionic Hexa Core (แรงอันดับ 1 ของโลก), GPU : A14 Bionic’s GPU (แรงอันดับ 1 ของโลก) , หน่วยความจำ : RAM 6 GB / ROM 128 - 256 GB, แบตเตอรี่ : Li-Ion 2815 mAh, ราคากลางปัจจุบัน : ประมาณ 36,400. บาท เรียกได้ว่าเป็นรุ่นที่มาพร้อมกับ CPU และ GPU แรงอันดับ 1 ของโลกแล้วสำหรับ iPhone 12 แต่น่าเสียดายที่หน้าจอของรุ่นนี้มาพร้อมกับ Refresh Rate เพียงแค่ 60 Hz กับ Touch Sampling Rate แค่ 120 Hz ทำให้อาจกล่าวได้ว่าไม่ใช่มือถือที่เหมาะสำหรับการเล่นเกมขนาดนั้น ในเรื่องของการระบายความร้อนเอง ก็ถือได้ว่ายังมีปัญหาอยู่เช่นกัน จากคำรีวิวของผู้ใช้งานเหมือนว่าจะร้อนมากๆ หากใช้เล่นเกมไประยะเวลาหนึ่ง และในเรื่องของแบตเตอรี่ก็ยังไม่เพียงพอต่อการใช้งาน และเล่นเกมทั้งวันเช่นกัน ข้อดีก็คือมีฟังก์ชันการใช้งานที่เยอะมากๆ (โดยเฉพาะการอัดวิดีโอ และการถ่ายภาพ) หากปกติเป็นคนที่ใช้งานทั่วไปเยอะ และเล่นเกมเป็นบางครั้งบางคราวเท่านั้น iPhone 12 ถือว่าตอบโจทย์ได้เป็นอย่างดีครับ One Plus 8 Pro หน้าจอขนาด : 6.1 นิ้ว (Refresh Rate 120Hz), ความเร็วตอบสนองหน้าจอ (Touch Sampling Rate) : 240 Hz (ยิ่งเยอะหน้าจอยิ่งตอบสนองเร็ว), CPU : Qualcomm Snapdragon 865 Octa Core(แรงอันดับ 9 ของโลก), GPU : Adreno 650 (แรงอันดับ 6 ของโลก), หน่วยความจำ : RAM 8 - 12 GB / ROM 128 - 256 GB, แบตเตอรี่ : 4,510 mAh, ราคากลางปัจจุบัน : ประมาณ 28,100. บาท แม้จะไม่ได้มาพร้อมกับ CPU / GPU ที่แรงเมื่อเทียบกับราคา แต่ One Plus อาจเรียกได้ว่าเป็นมือถือที่มีระบบปฏิบัติการ Android ที่เสถียรมากที่สุด (OxygenOS 10.0 based on Android 10.0) ส่งผลให้เป็นโทรศัพท์ที่จะเกิดบัค หรือเหตุการณ์แบบเกมปิดตัวดื้อๆ น้อยครั้งที่สุดครับ ในส่วนของการระบายความร้อนก็ทำได้แบบปานกลาง ไม่ได้ดีเทียบเท่ากับมือถือ Gaming แต่ถือว่าดีในระดับหนึ่ง โดยที่หลุดมาไกลถึงตรงนี้ เป็นเพราะเรื่องราคาที่สูงไปนิด เมื่อเทียบกับ MI 11 แล้วเจ้าตัวนี้เลยน่าซื้อน้อยกว่าอย่างเห็นได้ชัดครับ
08 Mar 2021
ร้อนๆ หนาวๆ! สื่อต่างประเทศเทสประสิทธิภาพการทำงาน iPhone 12 กับ iPhone 12 Pro แบบจัดเต็ม
เปิดตัวอย่างเป็นทางการไปเมื่อวันที่ 13 ตุลาคมที่ผ่านมาสำหรับ “iPhone 12 Series” มือถือสมาร์ทโฟนจากแบรนด์ดังระดับโลก Apple ที่ในรุ่นนี้ถือว่าเป็นการเปลี่ยนแปลงเรื่องดีไซน์ครั้งยิ่งใหญ่เลยก็ว่าได้ แถมออกมาหลากหลายรุ่นให้ผู้ที่เป็นแฟนได้เลือกซื้อ เลือกใช้อย่างเหมาะสมก็จะมีทั้งหมด 4 รุ่นด้วยกัรประกอบไปด้วย iPhone 12, iPhone 12 mini, iPhone 12 Pro และ iPhone 12 Pro Max ซึ่งทั้ง 4 รุ่นความแตกต่างกันอยู่ตรงที่กล้อง, แบตเตอรี่, ดีไซน์ตัวเครื่อง และ วัตถุที่ใช้จะไม่เหมือนกัน แต่ชิปเซ็ตภายในทุกรุ่นเป็น “A14 Bionic” ที่กลายเป็นชิปเซ็ตที่มีขนาดเล็กที่สุดคือ 5 นาโนเมตรเท่านั้น! ความน่าสนใจของ “iPhone 12 Series” ก็เลยอยู่ที่ชิปเซ็ตเพราะทุกรุ่นใช้ตัวเดียวกันทั้งไม่ว่าจะเป็นทั้ง CPU หรือ GPU ที่ทาง Apple ยังออกมาเครมว่ามันมีประสิทธิภาพในการทำงานที่ยอดเยี่ยมกว่าชิปเซ็ตของฝั่ง Android มากถึง 50% แถมยังประหยัดพลังงานมากกว่า ในทางกลับกันด้านการเล่นเกมอันนี้ก็ต้องยอมรับว่า iPhone ที่เป็นตัวท็อป ๆ มักจะสามารถเล่นเกมต่าง ๆ ได้อย่างลื่นไหล ปรับกราฟฟิกได้สูงสุดแทบทุกเกม โดย iPhone 12 Series จะมีรูปแบบการทำงานเป็น Neural Engine 16-Core ผ่านระบบ Machine Learning จุดนี้ละที่ทำให้รุ่นนี้การทำงานเวลาเล่นเกมลื่นไหลไม่มีสะดุดนั่นเองค่ะ แต่สิ่งที่น่าจับตามองของ “iPhone 12 Series” คือเรื่องแบตเตอรี่เพราะถ้ามอง ๆ แล้วถือว่าให้มาน้อยมากกว่ารุ่นก่อนเป็นอย่างมาก โดยสื่อต่างประเทศอย่าง Phonearena ได้เปิดเผยออกมาว่าจากข้อมูลที่มีการตรวจสอบพบว่า iPhone 12 และ iPhone 12 Pro แบตเตอรี่เท่ากันคือ “2,815 mAh” เอาจริง ๆ มันน้อยมาก ๆ ถ้าเทียบกับฝั่ง Android ที่บางรุ่นทะลุไปถึง 6,000 mAh แล้วถ้าไปเทียบค่าแบตเตอรี่รุ่นก่อนหน้านี้อย่าง iPhone 11 อยู่ที่ “3,110 mAh” และ iPhone 11 Pro อยู่ที่ “3,046 mAh” งานนี้ก็เลยพวกเขาก็เลยขอหยิบนำ iPhone 12 และ iPhone 12 Pro มาทดสอบในการทำงานรูปแบบต่าง ๆ ทั้งเล่นเกม หรือ การใช้งานต่าง ๆ ว่าแบตเตอรี่แค่นี้จะอยู่ได้ราว ๆ กี่ชั่วโมงกัน การทดสอบแบตเตอรี่เมื่อนำมาเล่นเกมแบบต่อเนื่อง ทางเว็บไซต์ Phonearena ได้นำเครื่อง iPhone 12 และ iPhone 12 Pro มาทดสอบในการเล่นเกมแล้วมีการปรับรายละเอียดกราฟฟิกสูงสุด โดยหยิบนำเกม Call of Duty: Mobile และ Minecraft มาใช้ในการเทส ผลที่ได้ก็คือแบตเตอรี่อยู่ได้เพียงแค่ 3 ชั่วโมงเศษ ๆ เท่านั้น ที่สำคัญเมื่อเล่นเกมไปสักระยะรู้สึกได้เลยว่าเครื่องมีความร้อนพอสมควร แล้วจากการเทสก็พบว่าพอเครื่องเริ่มมีความร้อนสูงแบตเตอรี่ก็กินมากขึ้นตามทวีคูณเลยค่ะ แต่ตรงกันข้ามกับ iPhone 11 และ iPhone 11 Pro ที่สามารถเล่นเกมได้นานมากถึง 6 - 7 ชั่วโมงครึ่ง เรียกว่ามันแตกต่างจากรุ่นก่อนเป็นอย่างมากเลยค่ะ ใครที่คิดอยากจะซื้อ “iPhone 12 Series” เพื่อมาเล่นเกมโดยเฉพาะคงต้องคิดหน้าคิดหลังดี ๆ นะคะ การทดสอบแบตเตอรี่เมื่อนำมาดู YouTube แบบต่อเนื่อง หลังจากที่ทางเว็บไซต์ Phonearena ได้นำเครื่อง iPhone 12 และ iPhone 12 Pro ได้นำมาทดสอบในการเล่นเกมแล้ว พวกเขาก็เลยตัดสินใจที่จะนำมาทดสอบในส่วนของการเปิดรับชมวีดีโอผ่าน YouTube พบที่ได้ก็คือสามารถรับชมได้ต่อเนื่องยาวนานมากถึง 6 ชั่วโมงกับอีก 38 - 48 นาทีโดยประมาณ ถ้าเปรียบเทียบกับ iPhone 11 และ iPhone 11 Pro ก็มีความใกล้เคียงกันพอสมควรค่ะ ซึ่งถ้ามองแบบเชิงวิเคราะห์ก็ถือว่ายังคงประสิทธิภาพในการทำงานส่วนนี้ได้ดีค่ะ การทดสอบแบตเตอรี่เมื่อนำมาดูเว็บไซต์ต่าง ๆ แบบต่อเนื่อง มาถึงการทดสอบครั้งสุดท้ายของ iPhone 12 และ iPhone 12 Pro นั้นก็คือการเข้าเว็บไซต์ต่าง ๆ ดูข่าวสาร นู่นนี้นั้น ผลการทดสอบทาง Phonearena ได้เปิดเผยว่าสามารถใช้งานได้ยาวนานถึง 12 ชั่วโมงได้อย่างสบาย ๆ ซึ่งถ้าให้ไปเทียบกับรุ่นก่อนหน้านี้อย่าง iPhone 11 อยู่ที่ราว ๆ 11 ชั่วโมงนิด ๆ กับ iPhone 11 Pro ที่ใช้ระยะเวลา 8 ชั่วโมงกว่า ๆ แบตเตอรี่ถึงจะหมด ก็เรียกว่าประสิทธิภาพในการทำงานส่วนนี้ก็ไม่ได้แตกต่างจากรุ่นก่อนหน้านี้สักเท่าไหร่ค่ะ ถ้าให้เกวลินสรุปเนี่ยจากผลการทดสอบของเว็บไซต์ Phonearena ทำให้เราได้เห็นว่าแม้แบตเตอรี่ของ iPhone 12 กับ iPhone 12 Pro เทียบกับ iPhone 11 กับ iPhone 11 Pro อาจจะไม่ได้แตกต่างกันมา แต่เมื่อนำมาใช้งานในรูปแบบต่าง ๆ โดยเฉพาะการเล่นเกมที่เห็นได้ชัดเจนว่าแค่เล่นเกมที่กราฟฟิกอาจจะยังไม่สุดอย่าง Call of Duty: Mobile และ Minecraft ก็สามารถสูบแบตเตอรี่ได้มากมายขนาดนี้ เพราะจาก 100% เล่นไปเหลือ 0% ใช้ระยะเวลาเพียงแค่ 3 ชั่วโมง งานนี้คนที่คิดจะนำไปใช้งานตอนสตรีมเกมแบบถ่ายทอดสดก็คงจะต้องคำนวนการใช้งานอย่างเหมาะสมด้วยนะคะเนี่ย เพราะถ้าทำงานจริงตัวเครื่องก็ยังทำงานแอพพลิเคชั่นอื่น ๆ แบตเตอรี่อาจจะหมดเร็วกว่านี้ก็เป็นได้ค่ะ  อย่างไรก็ตามตอนนี้สื่อไอทีบางเจ้าในบ้านเราตอนนี้ก็มีการจัดเครื่องหิ้วมาเทสกันเพียบเลยค่ะ ส่วนคนที่อยากรู้ว่าเมื่อไหร่ Apple Thailand จะประกาศวันวางจำหน่ายในประเทศไทยสักที เกวลินก็ตอบไม่ได้ค่ะ แต่ที่รู้แน่ชัดก็คือหน้าเว็บไซต์หลักมีการปล่อยข้อมูลออกมาให้เราได้ทราบสเปกเครื่องของ “iPhone 12 Series” ทั้ง 4 รุ่นเป็นที่เรียบร้อยแล้ว แล้วเครือข่ายโทรศัพท์มือถือเจ้าแรกที่เปิดตัวก่อนเลยก็คือ “AIS” ที่ออกมาโฆษณาว่าจะเปิดให้สั่งจองในเร็ว ๆ นี้ ใครที่เป็นแฟนมือถือสมาร์ทโฟนแบรนด์นี้ยังไงก็อดใจรอกันหน่อยนะคะ คาดว่าบ้านเราน่าจะวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการไม่เกินสิ้นปีนี้แน่นอนค่ะ  ก่อนจะจากกันถ้าถามเกวลินว่าควรซื้อ “iPhone 12 Series” รุ่นไหนดี อันนี้อยู่ที่เงินในกระเป๋าของเพื่อน ๆ เลยค่ะ เพราะทุกรุ่นในเรื่องของชิปเซ็ตที่ใช้งานเหมือนกันทุกประการจะแตกต่างก็คือเรื่องกล้อง ยิ่งตัวท็อป ๆ ก็จะมีเลนส์กล้องที่ใช้ในการถ่ายรูป หรือ ถ่ายวีดีโอได้ยอดเยี่ยมมากกว่า ถ้าคุณเป็นสายถ่ายรูป ทำคอนเทนต์แล้วใช้ iPhone ในการทำบล็อกเกอร์มาโดยตลอดเนี่ยก็จัดตัว iPhone 12 Pro หรือ iPhone 12 Pro Max น่าจะเหมาะที่สุดแล้วค่ะ ทั้งนี้เราเองก็ต้องสำรองพวกพาวเวอร์แบงค์สำรองติดตัวไว้ด้วยนะคะ ส่วนเรื่องของราคาก็ต้องมารอลุ้นกันว่าบ้านเราจะขายแต่ละรุ่นอยู่ที่เท่าไหร่กันบ้าง เข้าไปอ่านข้อมูลเพิ่มเติมของ iPhone 12 Series ได้ที่ ( คลิกที่นี่ ) และ ( คลิกที่นี่ ) Source: Phonearena ( เรียบเรียงโดย KaelynVT )
06 Nov 2020
เปิดตัว IPhone 12 พร้อมกับชิป A14 Bionic ที่จะช่วยให้เราเล่นเกมได้ลื่นขึ้น!
เปิดตัวกันไปแล้วเมื่อคืนนี้กับ IPhone 12 มือถือเรือธงตัวใหม่จากทาง Apple ซึ่งนอกจากจะมาพร้อมกับหน้าจอสุดยอดเยี่ยม, กล่องโคตรเทพ และดีไซน์สวยล้ำแล้ว เจ้ามือถือตัวใหม่นี้ยังมาพร้อมกับชิป A14 Bionic ที่เหมาะกับการเล่นเกมมากกว่ามือถืออื่นๆ ที่มีอยู่ในตลาดตอนนี้ด้วยครับ! ข่าวนี้ได้รับการยืนยันจาก Daniel Ahmad ในโพสต์ใหม่ของเขาบน Twitter ซึ่งเกมที่ถูกเอามา Highlight ในครั้งนี้คือ LOL Wild Rift เกม MOBA ชื่อดังที่กำลังจะเปิดให้เล่นบนมือถือเร็วๆ นี้ นอกจากนี้ IPhone 12 ยังมาพร้อมกับระบบอินเทอร์เน็ต 5G ที่จะทำให้เชื่อมต่อได้ดีมากยิ่งขึ้น งานนี้บอกเลยว่าใครกำลังจะเปลี่ยนมือถือต้องจัดตัวนี้เลยครับ iPhone 12 จะเริ่มวางจำหน่ายในวันที่ 23 ตุลาคม 2020 นี้ครับ The big gaming focus at the Apple event today was 5G and League of Legends coming to mobile. In addition to throwing some shade at Fortnite, the key messaging was about iPhone 12 offering better performance than any other smartphone platform for gaming, including LoL. pic.twitter.com/Jgdc95CeZJ — Daniel Ahmad (@ZhugeEX) October 13, 2020 Credit: GameSpot
14 Oct 2020
GameFever TH | เพราะเกมคือชีวิต
ผลการค้นหา : "IPhone 12"
อัปเดตรายชื่อ Smart Phone ที่เหมาะจะซื้อมาเล่นเกมมากที่สุด (ต้นปี 2021)
ในปัจจุบันต้องยอมรับเลยนะครับว่าเกมมือถือเข้ามามีบทบาทในวงการเรามากมายจริงๆ (เผลอๆ จะตลาดใหญ่เท่ากับวงการเกม Console แล้วด้วย) โดยเฉพาะฝั่งกี่ฬา Esport ที่แข่งขันกันอย่างจริงจังในบ้านเรา และมีเงินรางวัลมากกว่าเงินเดือนของผมทั้งปีเสียอีก (แหม่พูดแล้วก็เศร้า) ด้วยความที่ตลาดนี้มีขนาดใหญ่ขึ้นทุกวันๆ ทางฝั่งผู้พัฒนาเองก็หันมาให้ความสนใจแข่งกันพัฒนาเกมดีๆ มาลงให้กับฝั่งมือถือมากมายไปด้วย ส่งผลในปัจจุบันเกมมือถือเริ่มใช้สเปคที่สูงขึ้นเรื่อยๆ จนทำให้เริ่มเป็นไปไม่ได้แล้วที่จะเล่นเกมในช่วง 1 - 2 ปีที่ผ่านมา ที่นี้เราจะได้รู้ได้ยังไงว่าควรซื้อมือถือเครื่องไหน ถึงจะสามารถเล่นเกมที่เราอยากเล่นได้ทั้งหมด? ไอ้ครั้นจะให้ไปนั่งเทียบสเปคของแต่ละรุ่น ก็เป็นอะไรที่ยุ่งยากอีก ดังนั้นวันนี้ผมจะมีชี้เป้าให้เพื่อนๆ ได้ทราบกันว่าปัจจุบันในตลาดบ้านเรา มือถือรุ่นไหนเหมาะจะซื้อมาใช้เล่นเกมมากที่สุดครับ! แต่ก่อนจะไปเริ่มกัน ผมขอออกตัวก่อนว่าการจัดอันดับใน บทความนี้ จะวัดจาก ความสามารถของตัวเครื่อง, จำนวนชั่วโมงที่สามารถใช้งานได้, ฟังก์ชั่นสำหรับเกมเมอร์ และราคาเป็นหลัก ซึ่งข้อมูลเกี่ยวกับความแรงของ CPU และ GPU ผมอ้างอิงจาก 2 แหล่งคือ Nanoreview กับ Techcenturion ส่วนราคาจะมาจากเว็บ Siamphone ครับ มือถือ Gaming ที่โดยรวมยอดเยี่ยมมากที่สุด : Asus ROG Phone 3 หน้าจอขนาด : 6.59 นิ้ว  (Refresh Rate 144Hz), ความเร็วตอบสนองหน้าจอ (Touch Sampling Rate) : 270 Hz (ยิ่งเยอะหน้าจอยิ่งตอบสนองเร็ว) CPU : Qualcomm Snapdragon 865 Plus Octa Core (แรงอันดับ 8 ของโลก), GPU : Adreno 650 (แรงอันดับ 6 ของโลก) ,หน่วยความจำ : RAM 12 GB / ROM 512 GB, แบตเตอรี่ : 6,000 mAh, ราคากลางปัจจุบัน : ประมาณ 26,000 บาท หน้าจอไม่ใหญ่เกินไป, มี Refresh Rate สูงถึง 144Hz, ใช้ชิปประมวลผลที่แรง 8 ของโลก, แบตเตอรี่อึดใช้งานได้นาน, มาพร้อมกับการระบายความร้อนที่ยอดเยี่ยม, ทั้งยังสามารถตั้งค่า Macro หรือ ชุดคำสั่งเพื่อให้เล่นเกมได้ง่ายขึ้น คงต้องบอกว่าไม่มีโทรศัพท์เครื่องไหนในโลกจะตอบโจทย์ไปมากกว่านี้อีกแล้ว ในเรื่องของราคา 26,000 ก็ถือว่าไม่แพงเกินไปเช่นกัน จุดเด่นหลักๆ ของ ROG Phone 3 คือเรื่องของ AeroActive Cooler 3 อุปกรณ์เสริมที่ช่วยในการระบายความร้อน กับ Airtrigger 3 บริเวณด้านขวาของตัวเครื่อง ที่ทำงานเหมือนปุ่ม L1, R1 ของจอยเครื่อง Console แต่ต่างกันตรงที่บนมือถือนี้จะเป็นเซ็นเซอร์อัลตราโซนิกที่ใช้รับสัมผัสแทน โดยผู้ใช้งานสามารถตั้งค่าเองได้เลยว่าจะให้การสัมผัสแบบไหน ส่งผลแบบไหนในเกม พูดแล้วอาจจะไม่เห็นภาพ เอาเป็นว่าดูในวิดีโอด้านล่างนี้ได้เลยครับ มือถือ Gaming ที่มีราคาย่อมเยาที่สุด : Nubia Red Magic 5G หน้าจอขนาด : (Refresh Rate 144Hz), ความเร็วตอบสนองหน้าจอ (Touch Sampling Rate) : 320 Hz (ยิ่งเยอะหน้าจอยิ่งตอบสนองเร็ว), CPU : Qualcomm Snapdragon 865 5G Octa Core (แรงอันดับ 9 ของโลก), GPU : Adreno 650 (แรงอันดับ 6 ของโลก) , หน่วยความจำ : RAM 8 - 16 GB / ROM 128 - 256 GB, แบตเตอรี่ : 4,500 mAh, ราคากลางปัจจุบัน : ประมาณ 17,900. บาท Red Magic 5G อาจไม่ใช่รุ่นที่ได้รับความนิยมมากนักในบ้านเรา แต่เจ้าตัวนี้ก็เรียกได้ว่ามาพร้อมกับสเปคที่แรงน้อยกว่า ROG Phone 3 เพียงเล็กน้อยเท่านั้น แต่ได้ Touch Sampling Rate ที่สูงกว่ามาแทน กับ RAM ของเครื่องที่ให้มาแบบเยอะถึง 16 GB แต่จุดที่น่าสนใจมากที่สุดคงเป็นเรื่องของราคาที่ถือว่าถูกมากๆ หากเทียบกับสเปคครับ ในเรื่องของการระบายความร้อน Red Magic 5G ก็มาพร้อมกับ Active Liquid-Cooling with Turbo Fan 3.0 ที่ทำให้เครื่องสามารถระบายความร้อนได้ดีกว่ารุ่นทั่วไปที่มีในตลาด แน่นอนว่าเจ้าเครื่องนี้เองก็มี Trigger หรือปุ่มสำหรับใส่ชุดคำสั่งสำหรับการเล่นเกมก็มีมาให้ 2 ปุ่มเช่นกัน แต่ยังไม่สามารถตั้งคำสั่งความละเอียดสูงแบบ เขย่าหน้าจอ หรือสไลด์ซ้าย กับขวา แบบเดียวกับ ROG Phone 3 ได้ครับ มือถือ Gaming ที่มาพร้อมอุปกรณ์เสริมยอดเยี่ยมที่สุด : Xiaomi Black Shark 3 Pro หน้าจอขนาด : (Refresh Rate 144Hz), ความเร็วตอบสนองหน้าจอ (Touch Sampling Rate) : 270 Hz (ยิ่งเยอะหน้าจอยิ่งตอบสนองเร็ว),  CPU : Qualcomm Snapdragon 865 Octa Core (แรงอันดับ 9 ของโลก), GPU : Adreno 650 (แรงอันดับ 6 ของโลก) หน่วยความจำ : RAM 8 - 12 GB / ROM 256 - 512 GB, แบตเตอรี่ : 5,000 mAh, ราคากลางปัจจุบัน : ประมาณ 19,900. บาท Black Shark ถือได้ว่าเป็นอีกหนึ่งรุ่น Gaming จากทาง Xiaomi ที่อยู่คู่วงการมานานแล้ว โดยในเรื่องของความแรงเจ้า Black Shark 3 Pro จะเทียบเท่ากันกับ Red Magic 5G เลย แต่ได้ในเรื่องของอุปกรณ์เสริม ที่เยอะกว่ามาแทน ไม่ว่าจะเป็น หูฟัง, ชุดระบายความร้อน, จอยควบคุมสำหรับต่อใช้งาน, คีย์บอร์ด และอื่นๆ อีกมากมาย ในส่วนของปุ่มคำสั่งพิเศษ รุ่นนี้ก็มีมาให้ทางด่านขวาบน กับขวาล่างเช่นกัน เพียงแต่ของ Black Shark 3 Pro จะเป็นปุ่มที่อยู่ภายในหน้าจอ Touch Screen ทำให้อาจใช้งานได้ยากกว่า 2 รุ่นข้างบนเล็กน้อย ส่วนเรื่องระบายความร้อนก็สามารถทำได้ดีมากๆ เช่นกันด้วย Sandwich Liquid Cooling และจะดีขึ้นไปอีกเมื่อใช้ร่วมกับอุปกรณ์เสริมครับ มือถือทั่วไปที่เหมาะจะเอามาเล่นเกมมากที่สุด แม้ว่ามือถือ Gaming จะเกิดมาเพื่อเล่นเกมอย่างแท้จริง แต่ในเรื่องของดีไซน์ที่โฉบเฉี่ยวเกินไปเลยอาจทำให้หลายคนอาจรู้ไม่ชอบเครื่อง 3 รุ่นข้างต้นนี้ ดังนั้นผมจึงได้จัดอันดับมือถือทั่วไป ที่เหมาะสำหรับเล่นเกมมากที่สุดมาให้ด้วย ซึ่งในกลุ่มนี้มักจะได้ในเรื่องของฟังก์ชันการใช้งานทั่วไปที่ดีกว่ามาทดแทนครับ Mi 11 หน้าจอขนาด : 6.81 นิ้ว (Refresh Rate 120Hz), ความเร็วตอบสนองหน้าจอ (Touch Sampling Rate) : 480 Hz (ยิ่งเยอะหน้าจอยิ่งตอบสนองเร็ว), CPU : Qualcomm Snapdragon 888 Octa Core (แรงอันดับ 2 ของโลก), GPU : Adreno 660 (แรงอันดับ 2 ของโลก) หน่วยความจำ : RAM 8 GB / ROM 128 - 256 GB, แบตเตอรี่ : 4,600 mAh, ราคากลางปัจจุบัน : ประมาณ 22,300. บาท เรือธงตัวใหม่จากทาง Xiaomi ที่เพิ่งวางขายไปเลยช่วงต้นเดือน กุมภาพันธ์ จุดเด่นของเจ้าเครื่องนี้คือหน่วยประมวลผลที่แรงเป็นอันดับ 2 ของโลกในตอนนี้ทั้ง CPU และ GPU กับ Touch Sampling Rate ที่สูงแบบอลังการงานสร้าง 480 Hz แต่กลับมีราคากลางเพียงแค่ 22,300 บาท ซึ่งถูกกว่า ROG Phone 3 เสียอีก แม้จะไม่มีฟังก์ชันหรืออุปกรณ์เสริมดีๆ สำหรับ Gaming โดยเฉพาะมาด้วย แต่ในเรื่องของการระบายความร้อน Mi 11 ถือว่าทำได้ดีมาก อุณหภูมิเครื่องจะอยู่ที่ 35 - 37 องศาเท่านั้นหากเล่น ROV ในห้องแอร์ 25 องศา เรียกได้ว่าเป็นอีกหนึ่งรุ่นที่เหมาะสำหรับการเล่นเกมมากๆ ครับ Samsung S21 Plus (S21+) หน้าจอขนาด : 6.7 นิ้ว (Refresh Rate 120Hz), ความเร็วตอบสนองหน้าจอ (Touch Sampling Rate) : 240 Hz (ยิ่งเยอะหน้าจอยิ่งตอบสนองเร็ว), CPU : Exynos 2100 Octa Core (แรงอันดับ 3 ของโลก), GPU : Mali-G78 MP14 (แรงอันดับ 7 ของโลก) , หน่วยความจำ : RAM 8 GB / ROM 128 - 256 GB, แบตเตอรี่ : 4,800 mAh, ราคากลางปัจจุบัน : ประมาณ 31,800. บาท อีกหนึ่งเรือธงใหม่จากทาง Samsung ที่มาพร้อมกับ CPU ที่แรงอันดับ 3 กับ GPU ที่อยู่อันดับ 7 ทำให้ เจ้า S21+ ถือเป็นอีกหนึ่งรุ่นที่เหมาะสำหรับการเล่นเกมมากๆ แต่น่าเสียดายที่ตอนนี้เหมือนจะมีปัญหาในเรื่องของ แบตเตอรี่ ที่จากปากผู้ใช้งานเหมือนจะหมดเร็วมากๆ แม้จะมีขนาดถึง 4,800 mAh ก็ตาม โชคยังดีที่รุ่นนี้สามารถชาร์จได้เร็วมากครับ อีกหนึ่งข้อเสียของ S21+ คือเรื่องการระบายความร้อนที่ทำออกมาได้ไม่ดีนัก จากคำรีวิวของผู้ใช้งานดูเหมือนว่าแค่เปิดใช้งานกล้องเป็นเวลานานตัวเครื่องก็จะร้อนมากๆ แล้ว ซึ่งโดยทั่วไปเมื่อร้อนมากๆ CPU / GPU ก็จะลดความสามารถในการทำงานลง แต่ถ้าหากใช้งานในห้องแอร์ และสามารถชาร์จไฟได้ตลอดเวลา S21+ ถือเป็นอีกหนึ่งมือถือดีไซน์สวยที่ไม่ควรพลาดครับ iPhone 12 Pro หน้าจอขนาด : 6.1 นิ้ว (Refresh Rate 60Hz), ความเร็วตอบสนองหน้าจอ (Touch Sampling Rate) : 120 Hz หน่วย (ยิ่งเยอะหน้าจอยิ่งตอบสนองเร็ว) ,CPU : Apple A14 Bionic Hexa Core (แรงอันดับ 1 ของโลก), GPU : A14 Bionic’s GPU (แรงอันดับ 1 ของโลก) , หน่วยความจำ : RAM 6 GB / ROM 128 - 256 GB, แบตเตอรี่ : Li-Ion 2815 mAh, ราคากลางปัจจุบัน : ประมาณ 36,400. บาท เรียกได้ว่าเป็นรุ่นที่มาพร้อมกับ CPU และ GPU แรงอันดับ 1 ของโลกแล้วสำหรับ iPhone 12 แต่น่าเสียดายที่หน้าจอของรุ่นนี้มาพร้อมกับ Refresh Rate เพียงแค่ 60 Hz กับ Touch Sampling Rate แค่ 120 Hz ทำให้อาจกล่าวได้ว่าไม่ใช่มือถือที่เหมาะสำหรับการเล่นเกมขนาดนั้น ในเรื่องของการระบายความร้อนเอง ก็ถือได้ว่ายังมีปัญหาอยู่เช่นกัน จากคำรีวิวของผู้ใช้งานเหมือนว่าจะร้อนมากๆ หากใช้เล่นเกมไประยะเวลาหนึ่ง และในเรื่องของแบตเตอรี่ก็ยังไม่เพียงพอต่อการใช้งาน และเล่นเกมทั้งวันเช่นกัน ข้อดีก็คือมีฟังก์ชันการใช้งานที่เยอะมากๆ (โดยเฉพาะการอัดวิดีโอ และการถ่ายภาพ) หากปกติเป็นคนที่ใช้งานทั่วไปเยอะ และเล่นเกมเป็นบางครั้งบางคราวเท่านั้น iPhone 12 ถือว่าตอบโจทย์ได้เป็นอย่างดีครับ One Plus 8 Pro หน้าจอขนาด : 6.1 นิ้ว (Refresh Rate 120Hz), ความเร็วตอบสนองหน้าจอ (Touch Sampling Rate) : 240 Hz (ยิ่งเยอะหน้าจอยิ่งตอบสนองเร็ว), CPU : Qualcomm Snapdragon 865 Octa Core(แรงอันดับ 9 ของโลก), GPU : Adreno 650 (แรงอันดับ 6 ของโลก), หน่วยความจำ : RAM 8 - 12 GB / ROM 128 - 256 GB, แบตเตอรี่ : 4,510 mAh, ราคากลางปัจจุบัน : ประมาณ 28,100. บาท แม้จะไม่ได้มาพร้อมกับ CPU / GPU ที่แรงเมื่อเทียบกับราคา แต่ One Plus อาจเรียกได้ว่าเป็นมือถือที่มีระบบปฏิบัติการ Android ที่เสถียรมากที่สุด (OxygenOS 10.0 based on Android 10.0) ส่งผลให้เป็นโทรศัพท์ที่จะเกิดบัค หรือเหตุการณ์แบบเกมปิดตัวดื้อๆ น้อยครั้งที่สุดครับ ในส่วนของการระบายความร้อนก็ทำได้แบบปานกลาง ไม่ได้ดีเทียบเท่ากับมือถือ Gaming แต่ถือว่าดีในระดับหนึ่ง โดยที่หลุดมาไกลถึงตรงนี้ เป็นเพราะเรื่องราคาที่สูงไปนิด เมื่อเทียบกับ MI 11 แล้วเจ้าตัวนี้เลยน่าซื้อน้อยกว่าอย่างเห็นได้ชัดครับ
08 Mar 2021
ร้อนๆ หนาวๆ! สื่อต่างประเทศเทสประสิทธิภาพการทำงาน iPhone 12 กับ iPhone 12 Pro แบบจัดเต็ม
เปิดตัวอย่างเป็นทางการไปเมื่อวันที่ 13 ตุลาคมที่ผ่านมาสำหรับ “iPhone 12 Series” มือถือสมาร์ทโฟนจากแบรนด์ดังระดับโลก Apple ที่ในรุ่นนี้ถือว่าเป็นการเปลี่ยนแปลงเรื่องดีไซน์ครั้งยิ่งใหญ่เลยก็ว่าได้ แถมออกมาหลากหลายรุ่นให้ผู้ที่เป็นแฟนได้เลือกซื้อ เลือกใช้อย่างเหมาะสมก็จะมีทั้งหมด 4 รุ่นด้วยกัรประกอบไปด้วย iPhone 12, iPhone 12 mini, iPhone 12 Pro และ iPhone 12 Pro Max ซึ่งทั้ง 4 รุ่นความแตกต่างกันอยู่ตรงที่กล้อง, แบตเตอรี่, ดีไซน์ตัวเครื่อง และ วัตถุที่ใช้จะไม่เหมือนกัน แต่ชิปเซ็ตภายในทุกรุ่นเป็น “A14 Bionic” ที่กลายเป็นชิปเซ็ตที่มีขนาดเล็กที่สุดคือ 5 นาโนเมตรเท่านั้น! ความน่าสนใจของ “iPhone 12 Series” ก็เลยอยู่ที่ชิปเซ็ตเพราะทุกรุ่นใช้ตัวเดียวกันทั้งไม่ว่าจะเป็นทั้ง CPU หรือ GPU ที่ทาง Apple ยังออกมาเครมว่ามันมีประสิทธิภาพในการทำงานที่ยอดเยี่ยมกว่าชิปเซ็ตของฝั่ง Android มากถึง 50% แถมยังประหยัดพลังงานมากกว่า ในทางกลับกันด้านการเล่นเกมอันนี้ก็ต้องยอมรับว่า iPhone ที่เป็นตัวท็อป ๆ มักจะสามารถเล่นเกมต่าง ๆ ได้อย่างลื่นไหล ปรับกราฟฟิกได้สูงสุดแทบทุกเกม โดย iPhone 12 Series จะมีรูปแบบการทำงานเป็น Neural Engine 16-Core ผ่านระบบ Machine Learning จุดนี้ละที่ทำให้รุ่นนี้การทำงานเวลาเล่นเกมลื่นไหลไม่มีสะดุดนั่นเองค่ะ แต่สิ่งที่น่าจับตามองของ “iPhone 12 Series” คือเรื่องแบตเตอรี่เพราะถ้ามอง ๆ แล้วถือว่าให้มาน้อยมากกว่ารุ่นก่อนเป็นอย่างมาก โดยสื่อต่างประเทศอย่าง Phonearena ได้เปิดเผยออกมาว่าจากข้อมูลที่มีการตรวจสอบพบว่า iPhone 12 และ iPhone 12 Pro แบตเตอรี่เท่ากันคือ “2,815 mAh” เอาจริง ๆ มันน้อยมาก ๆ ถ้าเทียบกับฝั่ง Android ที่บางรุ่นทะลุไปถึง 6,000 mAh แล้วถ้าไปเทียบค่าแบตเตอรี่รุ่นก่อนหน้านี้อย่าง iPhone 11 อยู่ที่ “3,110 mAh” และ iPhone 11 Pro อยู่ที่ “3,046 mAh” งานนี้ก็เลยพวกเขาก็เลยขอหยิบนำ iPhone 12 และ iPhone 12 Pro มาทดสอบในการทำงานรูปแบบต่าง ๆ ทั้งเล่นเกม หรือ การใช้งานต่าง ๆ ว่าแบตเตอรี่แค่นี้จะอยู่ได้ราว ๆ กี่ชั่วโมงกัน การทดสอบแบตเตอรี่เมื่อนำมาเล่นเกมแบบต่อเนื่อง ทางเว็บไซต์ Phonearena ได้นำเครื่อง iPhone 12 และ iPhone 12 Pro มาทดสอบในการเล่นเกมแล้วมีการปรับรายละเอียดกราฟฟิกสูงสุด โดยหยิบนำเกม Call of Duty: Mobile และ Minecraft มาใช้ในการเทส ผลที่ได้ก็คือแบตเตอรี่อยู่ได้เพียงแค่ 3 ชั่วโมงเศษ ๆ เท่านั้น ที่สำคัญเมื่อเล่นเกมไปสักระยะรู้สึกได้เลยว่าเครื่องมีความร้อนพอสมควร แล้วจากการเทสก็พบว่าพอเครื่องเริ่มมีความร้อนสูงแบตเตอรี่ก็กินมากขึ้นตามทวีคูณเลยค่ะ แต่ตรงกันข้ามกับ iPhone 11 และ iPhone 11 Pro ที่สามารถเล่นเกมได้นานมากถึง 6 - 7 ชั่วโมงครึ่ง เรียกว่ามันแตกต่างจากรุ่นก่อนเป็นอย่างมากเลยค่ะ ใครที่คิดอยากจะซื้อ “iPhone 12 Series” เพื่อมาเล่นเกมโดยเฉพาะคงต้องคิดหน้าคิดหลังดี ๆ นะคะ การทดสอบแบตเตอรี่เมื่อนำมาดู YouTube แบบต่อเนื่อง หลังจากที่ทางเว็บไซต์ Phonearena ได้นำเครื่อง iPhone 12 และ iPhone 12 Pro ได้นำมาทดสอบในการเล่นเกมแล้ว พวกเขาก็เลยตัดสินใจที่จะนำมาทดสอบในส่วนของการเปิดรับชมวีดีโอผ่าน YouTube พบที่ได้ก็คือสามารถรับชมได้ต่อเนื่องยาวนานมากถึง 6 ชั่วโมงกับอีก 38 - 48 นาทีโดยประมาณ ถ้าเปรียบเทียบกับ iPhone 11 และ iPhone 11 Pro ก็มีความใกล้เคียงกันพอสมควรค่ะ ซึ่งถ้ามองแบบเชิงวิเคราะห์ก็ถือว่ายังคงประสิทธิภาพในการทำงานส่วนนี้ได้ดีค่ะ การทดสอบแบตเตอรี่เมื่อนำมาดูเว็บไซต์ต่าง ๆ แบบต่อเนื่อง มาถึงการทดสอบครั้งสุดท้ายของ iPhone 12 และ iPhone 12 Pro นั้นก็คือการเข้าเว็บไซต์ต่าง ๆ ดูข่าวสาร นู่นนี้นั้น ผลการทดสอบทาง Phonearena ได้เปิดเผยว่าสามารถใช้งานได้ยาวนานถึง 12 ชั่วโมงได้อย่างสบาย ๆ ซึ่งถ้าให้ไปเทียบกับรุ่นก่อนหน้านี้อย่าง iPhone 11 อยู่ที่ราว ๆ 11 ชั่วโมงนิด ๆ กับ iPhone 11 Pro ที่ใช้ระยะเวลา 8 ชั่วโมงกว่า ๆ แบตเตอรี่ถึงจะหมด ก็เรียกว่าประสิทธิภาพในการทำงานส่วนนี้ก็ไม่ได้แตกต่างจากรุ่นก่อนหน้านี้สักเท่าไหร่ค่ะ ถ้าให้เกวลินสรุปเนี่ยจากผลการทดสอบของเว็บไซต์ Phonearena ทำให้เราได้เห็นว่าแม้แบตเตอรี่ของ iPhone 12 กับ iPhone 12 Pro เทียบกับ iPhone 11 กับ iPhone 11 Pro อาจจะไม่ได้แตกต่างกันมา แต่เมื่อนำมาใช้งานในรูปแบบต่าง ๆ โดยเฉพาะการเล่นเกมที่เห็นได้ชัดเจนว่าแค่เล่นเกมที่กราฟฟิกอาจจะยังไม่สุดอย่าง Call of Duty: Mobile และ Minecraft ก็สามารถสูบแบตเตอรี่ได้มากมายขนาดนี้ เพราะจาก 100% เล่นไปเหลือ 0% ใช้ระยะเวลาเพียงแค่ 3 ชั่วโมง งานนี้คนที่คิดจะนำไปใช้งานตอนสตรีมเกมแบบถ่ายทอดสดก็คงจะต้องคำนวนการใช้งานอย่างเหมาะสมด้วยนะคะเนี่ย เพราะถ้าทำงานจริงตัวเครื่องก็ยังทำงานแอพพลิเคชั่นอื่น ๆ แบตเตอรี่อาจจะหมดเร็วกว่านี้ก็เป็นได้ค่ะ  อย่างไรก็ตามตอนนี้สื่อไอทีบางเจ้าในบ้านเราตอนนี้ก็มีการจัดเครื่องหิ้วมาเทสกันเพียบเลยค่ะ ส่วนคนที่อยากรู้ว่าเมื่อไหร่ Apple Thailand จะประกาศวันวางจำหน่ายในประเทศไทยสักที เกวลินก็ตอบไม่ได้ค่ะ แต่ที่รู้แน่ชัดก็คือหน้าเว็บไซต์หลักมีการปล่อยข้อมูลออกมาให้เราได้ทราบสเปกเครื่องของ “iPhone 12 Series” ทั้ง 4 รุ่นเป็นที่เรียบร้อยแล้ว แล้วเครือข่ายโทรศัพท์มือถือเจ้าแรกที่เปิดตัวก่อนเลยก็คือ “AIS” ที่ออกมาโฆษณาว่าจะเปิดให้สั่งจองในเร็ว ๆ นี้ ใครที่เป็นแฟนมือถือสมาร์ทโฟนแบรนด์นี้ยังไงก็อดใจรอกันหน่อยนะคะ คาดว่าบ้านเราน่าจะวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการไม่เกินสิ้นปีนี้แน่นอนค่ะ  ก่อนจะจากกันถ้าถามเกวลินว่าควรซื้อ “iPhone 12 Series” รุ่นไหนดี อันนี้อยู่ที่เงินในกระเป๋าของเพื่อน ๆ เลยค่ะ เพราะทุกรุ่นในเรื่องของชิปเซ็ตที่ใช้งานเหมือนกันทุกประการจะแตกต่างก็คือเรื่องกล้อง ยิ่งตัวท็อป ๆ ก็จะมีเลนส์กล้องที่ใช้ในการถ่ายรูป หรือ ถ่ายวีดีโอได้ยอดเยี่ยมมากกว่า ถ้าคุณเป็นสายถ่ายรูป ทำคอนเทนต์แล้วใช้ iPhone ในการทำบล็อกเกอร์มาโดยตลอดเนี่ยก็จัดตัว iPhone 12 Pro หรือ iPhone 12 Pro Max น่าจะเหมาะที่สุดแล้วค่ะ ทั้งนี้เราเองก็ต้องสำรองพวกพาวเวอร์แบงค์สำรองติดตัวไว้ด้วยนะคะ ส่วนเรื่องของราคาก็ต้องมารอลุ้นกันว่าบ้านเราจะขายแต่ละรุ่นอยู่ที่เท่าไหร่กันบ้าง เข้าไปอ่านข้อมูลเพิ่มเติมของ iPhone 12 Series ได้ที่ ( คลิกที่นี่ ) และ ( คลิกที่นี่ ) Source: Phonearena ( เรียบเรียงโดย KaelynVT )
06 Nov 2020
เปิดตัว IPhone 12 พร้อมกับชิป A14 Bionic ที่จะช่วยให้เราเล่นเกมได้ลื่นขึ้น!
เปิดตัวกันไปแล้วเมื่อคืนนี้กับ IPhone 12 มือถือเรือธงตัวใหม่จากทาง Apple ซึ่งนอกจากจะมาพร้อมกับหน้าจอสุดยอดเยี่ยม, กล่องโคตรเทพ และดีไซน์สวยล้ำแล้ว เจ้ามือถือตัวใหม่นี้ยังมาพร้อมกับชิป A14 Bionic ที่เหมาะกับการเล่นเกมมากกว่ามือถืออื่นๆ ที่มีอยู่ในตลาดตอนนี้ด้วยครับ! ข่าวนี้ได้รับการยืนยันจาก Daniel Ahmad ในโพสต์ใหม่ของเขาบน Twitter ซึ่งเกมที่ถูกเอามา Highlight ในครั้งนี้คือ LOL Wild Rift เกม MOBA ชื่อดังที่กำลังจะเปิดให้เล่นบนมือถือเร็วๆ นี้ นอกจากนี้ IPhone 12 ยังมาพร้อมกับระบบอินเทอร์เน็ต 5G ที่จะทำให้เชื่อมต่อได้ดีมากยิ่งขึ้น งานนี้บอกเลยว่าใครกำลังจะเปลี่ยนมือถือต้องจัดตัวนี้เลยครับ iPhone 12 จะเริ่มวางจำหน่ายในวันที่ 23 ตุลาคม 2020 นี้ครับ The big gaming focus at the Apple event today was 5G and League of Legends coming to mobile. In addition to throwing some shade at Fortnite, the key messaging was about iPhone 12 offering better performance than any other smartphone platform for gaming, including LoL. pic.twitter.com/Jgdc95CeZJ — Daniel Ahmad (@ZhugeEX) October 13, 2020 Credit: GameSpot
14 Oct 2020